การสกรีนเสื้อ DFT ทำไมถึงเป็นที่นิยมในยุคนี้ พร้อมเจาะลึกจุดเด่นที่ไม่เหมือนเทคนิคอื่น และเหมาะกับงานแบบใด

ที่ผ่านมาเราคุ้นเคยกับเทคนิคการพิมพ์ลายเสื้อหลากหลายแบบ เช่น ซับลิเมชัน (Sublimation), ฟล็อกซ์ (Flex), ทรานส์เฟอร์ (Transfer) หรือ DTG (Direct to Garment) ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีเฉพาะตัว แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชื่อหนึ่งที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในวงการเสื้อผ้าและงานพิมพ์ก็คือ “การสกรีนเสื้อ DFT” (Direct Film Transfer)

เทคนิคนี้กำลังกลายเป็นเทรนด์หลักของวงการ เพราะสามารถตอบโจทย์ทั้งด้านคุณภาพของสี ความคมชัด ความทนทาน และยัง ใช้ได้กับผ้าหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นผ้าฝ้าย (Cotton), ผ้าโพลีเอสเตอร์ (Polyester), หรือผ้าผสม

การสกรีนเสื้อ DFT ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งในระดับธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ เนื่องจากตอบโจทย์ทั้งด้านคุณภาพ ความรวดเร็ว และความคุ้มค่าในการผลิต ไม่ว่าจะเป็น

องค์กรและหน่วยงาน หลายบริษัทเลือกใช้เทคนิคสกรีนเสื้อ DFT ในการผลิต เสื้อยูนิฟอร์ม เสื้อทีม เสื้อกิจกรรม เพราะให้สีสันสดใส ลวดลายคมชัดแม้ในพื้นที่เล็ก เช่น โลโก้แบรนด์หรือตัวอักษรขนาดจิ๋ว และที่สำคัญคือ ไม่หลุดลอกง่ายแม้ซักบ่อย

ร้านเสื้อแบรนด์แฟชัน แบรนด์เสื้อผ้าแนวสตรีท (Streetwear) หรือเสื้อแฟชั่นที่เน้นดีไซน์ลายกราฟิกมาก เริ่มเปลี่ยนมาสกรีนเสื้อ DFT เพราะสามารถพิมพ์ลายที่ซับซ้อนได้โดยไม่ต้องจำกัดสี และให้ผิวสัมผัสเรียบเนียน มีความลื่นเบาใกล้เคียงงานพิมพ์คุณภาพสูงจากโรงงานใหญ่

ร้านค้าระดับ SME และผู้เริ่มต้นทำแบรนด์เสื้อ หนึ่งในข้อดีของการสกรีนเสื้อ DFT คือ ต้นทุนเริ่มต้นต่ำกว่าเทคนิคอื่น และไม่ต้องสั่งขั้นต่ำจำนวนมาก ทำให้ผู้เริ่มต้นสามารถผลิตเสื้อแบรนด์ตัวเองได้ง่ายขึ้น

ทำไมการสกรีนเสื้อ DFT ถึงได้รับความนิยมมากกว่าเทคนิคอื่น

สิ่งที่ทำให้การสกรีนเสื้อ DFT กลายเป็นที่นิยมคือ “เทคโนโลยีใหม่” ที่เข้ามาเติมเต็มข้อจำกัดของการสกรีนแบบเดิม ทั้งในแง่ของคุณภาพ ความเร็ว และความยืดหยุ่นในการผลิต

6 จุดเด่นของการสกรีนเสื้อ DFT 

 

• • สีคมสด ตรงตามต้นฉบับ ไม่ซีดง่าย เพราะพิมพ์ด้วยหมึกพิเศษที่ให้ความคมชัดสูง

• • พิมพ์ได้ทุกชนิดผ้า ทั้งผ้าฝ้าย ผ้าโพลีเอสเตอร์ หรือผ้าผสม

• • ไม่มีข้อจำกัดเรื่องจำนวน สั่งทำได้แม้จำนวนน้อยไปถึงจำนวนมาก จึงเหมาะสำหรับแบรนด์เล็กไปจนถึงองค์กรใหญ่

• • ลวดลายละเอียด รองรับดีไซน์ซับซ้อน เช่น แสงเงา หรือกราฟิกโทนไล่สี หรือแม้แต่รายละเอียดจิ๋ว

• • ทนต่อการซักและการใช้งาน สีไม่หลุด ไม่แตก ไม่ร่อน แม้ผ่านการซักหลายสิบครั้ง

• • ผลิตได้รวดเร็ว เพราะไม่ต้องใช้บล็อกเหมือนสกรีนแบบซิลค์ จึงช่วยลดเวลาเตรียมงานและต้นทุนในการผลิต

การสกรีนเสื้อ DFT ต่างจากการสกรีนเสื้อ DTG อย่างไร

ข้อจำกัดของ DTG คือใช้ได้เฉพาะกับผ้าที่มีส่วนผสมของ “ฝ้าย (Cotton)” เท่านั้น หากนำไปใช้กับผ้าโพลีเอสเตอร์ หมึกจะไม่ติดแน่นเท่า อีกทั้งหมึกพิมพ์ของ DTG ยังซึมเข้าสู่เส้นใยผ้าโดยตรง ทำให้เมื่อซักหลายครั้ง สีจะค่อย ๆ จางลง

แต่เทคนิคสกรีนเสื้อ DFT เข้ามาเติมเต็มทุกช่องว่างเหล่านั้นได้อย่างลงตัว เพราะลายจะถูกพิมพ์ลงบนฟิล์มพิเศษก่อน แล้วค่อยรีดด้วยความร้อนให้ติดกับผ้า สกรีนเสื้อ DFT จึงสามารถใช้ได้กับผ้าทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นผ้าฝ้าย ผ้าโพลีเอสเตอร์ หรือแม้แต่ผ้าผสม อีกทั้งการสกรีนเสื้อ DFT ยังให้สีที่สดกว่า โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้โทนสีเข้ม หรือมีการไล่เฉดสีซับซ้อน คงทนต่อการซักมากกว่า ไม่แตก ไม่ซีด และไม่หลุดร่อนง่าย

การสกรีนเสื้อ DFT ต่างจากการสกรีนแบบซับลิเมชันอย่างไร

ข้อดีของซับลิเมชันคือ สีที่ได้จะมีความสดและสวยงาม เหมาะอย่างยิ่งสำหรับงานที่ต้องการพื้นผิวเรียบ เช่น เสื้อกีฬา หรือเสื้อโปโลผ้าโพลีเอสเตอร์ แต่ข้อเสียสำคัญคือ เทคนิคนี้มักใช้ได้เฉพาะกับผ้าโพลีเอสเตอร์เท่านั้น ถ้านำไปใช้กับผ้าฝ้าย หมึกจะไม่ติด ทำให้ไม่สามารถใช้ในงานแฟชั่นที่หลากหลายได้

ขณะที่การสกรีนเสื้อ DFT เข้ามาแก้ปัญหานี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะสามารถพิมพ์ลายได้กับผ้าทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นผ้าฝ้ายแท้ ผ้าโพลีเอสเตอร์ หรือผ้าผสม อีกทั้งยังสามารถพิมพ์ลงบนเสื้อสีเข้มได้โดยไม่ทำให้สีเพี้ยน

นอกจากนี้ ลวดลายจาก DFT ยังมีความคมชัด และทนทานต่อการซักมากกว่า เพราะหมึกและกาวทำหน้าที่ยึดติดบนผ้าอย่างแน่นหนา ต่างจากซับลิเมชันที่หมึกซึมเข้าสู่เส้นใย ทำให้เมื่อผ่านการซักบ่อย ๆ สีจะค่อย ๆ ซีดลง

การสกรีนเสื้อ DFT ต่างจากการสกรีนแบบ FLEX อย่างไร

ข้อดีของ FLEX คือได้ลายที่คม สีสันชัด และมีผิวสัมผัสแบบนูนเบา ๆ แต่ข้อจำกัดสำคัญคือ “ไม่เหมาะกับลายที่มีรายละเอียดมาก” เช่น ลายกราฟิกขนาดเล็ก หรือภาพที่ต้องการโทนสีไล่เฉดสีเยอะ ๆ เพราะ FLEX ต้องใช้การตัดแผ่นไวนิลทีละสี จึงไม่สามารถทำสีที่ซับซ้อนได้

ในทางตรงกันข้าม การสกรีนเสื้อ DFT สามารถพิมพ์ลายได้โดยไม่จำกัดจำนวนสี หรือรายละเอียดของดีไซน์ ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดเสมือนจริง ลายกราฟิกซับซ้อน หรือภาพโทนไล่สี ก็สามารถทำออกมาได้อย่างคมชัดทุกพิกเซล อีกทั้งพื้นผิวของ DFT ยังมีความบางและเรียบกว่าการสกรีนแบบ FLEX ให้สัมผัสที่เบาและสวมใส่สบายกว่า
ที่สำคัญ การสกรีนเสื้อ DFT ยังรวดเร็วกว่ามาก เพราะไม่ต้องตัดหรือแยกสีทีละชั้นเหมือน FLEX จึงเหมาะกับทั้งงานผลิตจำนวนมาก หรือสั่งทำเสื้อตัวเดียวก็ยังคงความสวยเท่ากัน

การสกรีนเสื้อ DFT ต่างจากการสกรีนเสื้อแบบ Transfer อย่างไร

ปัญหาที่ผู้ใช้งานหลายคนเจอคือลายที่ได้จากเทคนิค Transfer มักมีผิวสัมผัสที่แข็ง หนา และเมื่อผ่านการซักหลายครั้งจะเริ่มหลุดร่อนหรือแตก ทำให้อายุการใช้งานสั้น อีกทั้งยังไม่สามารถให้สีที่สดและคมเท่ากับต้นฉบับ

ในขณะที่การสกรีนเสื้อ DFT  จึงเป็นคำตอบที่เหนือกว่า เพราะใช้หลักการใกล้เคียงกัน แต่ใช้หมึกและกาวแบบใหม่ที่มีคุณสมบัติยึดเกาะสูงกว่า ทำให้ลายติดแน่นกับผ้าโดยไม่หลุดง่าย สีไม่เพี้ยน และยังคงความยืดหยุ่นของผ้าไว้ได้ดี

นอกจากนี้ ผิวสัมผัสของเสื้อที่ผ่านการสกรีนด้วย DFT ยังเรียบลื่น ไม่แข็งหรือหนาเหมือนงาน Transfer แบบเดิม จึงสวมใส่สบายและให้ความรู้สึกพรีเมียมกว่าอย่างเห็นได้ชัด

สรุป

จากเทคนิคการสกรีนแบบเก่า สู่ยุคใหม่ที่ต้องการ “งานพิมพ์ที่เหนือกว่า” การสกรีนเสื้อ DFT จึงกลายเป็นคำตอบที่ทั้งแบรนด์และองค์กรต่างเลือกใช้ เพราะให้ทั้ง ความสวย ความคม ความทน และต้นทุนคุ้มค่า ที่ใช้ได้กับทุกผ้า

หากคุณกำลังมองหาโรงงานผลิตเสื้อที่ให้บริการสกรีนเสื้อ DFT คุณภาพสูง สีสด คมชัด และทนต่อการซัก เลือก OK-Garment  โรงงานผลิตเสื้อครบวงจร ด้วยเครื่องพิมพ์ DFT คุณภาพสูง ให้สีคมชัดละเอียดในทุกจุด เราใช้หมึกพิเศษ และฟิล์มเกรดพรีเมียม เพื่อให้ลายสกรีนติดแน่น สีไม่หลุดง่าย ควบคุมคุณภาพทุกขั้นตอนโดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ ตั้งแต่การออกแบบจนถึงการรีดฟิล์ม

ติดต่อเราเพื่อเริ่มต้นผลิตเสื้อสกรีน ด้วยเทคนิค DFTคุณภาพสูงได้แล้ววันนี้ OK-Garment

ติดต่อได้ที่ ฝ่ายขาย 

Facebook: https://www.facebook.com/OkGarment 

Tel. คุณเบลล์ 085-220-3435, 02-451-7663

Line:  o_ee / Line. @okgarment

E-mail: okgarment.office@gmail.com

#OKGARMENT #ผลิตเสื้อโปโลยูนิฟอร์ม #ผลิตเสื้อ #รับผลิตเสื้อ #ราคาถูก #รับผลิตเสื้อตามแบบ #ผลิตเสื้อราคาถูก #เสื้อคอกลม #คอวี #เสื้อโปโล #แจ็คเก็ต 

#หมวก #กระเป๋า #ผ้าขนหนู #ผ้ากันเปื้อน #พร้อมปักสกรีน